อัตลักษณ์ : จิตอาสาและพัฒนาท้องถิ่น เอกลักษณ์ : แหล่งเรียนรู้ทางวิชาการและให้บริการวิชาการแก่สังคม คำขวัญอาเซียน "One Vision, One Identity, One Community" : " หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม "

udru-showcase udru-admission udru-trainig udru-auction

ประวัติผู้จัดทำ

                                                                 
                                                               ประวัติส่วนตัว
                 
ข้าพเจ้าชื่อนพพร คำโคตรสูนย์  ทุกคนต่างเรียกข้าพเจ้าว่า  นพ ข้าพเจ้าเกิดวันที่ 25 กรกฎาคม 2537 อาศัยและเติบโตอยู่ทีบ้านเลขที่ 147 หมู่  15 ตำบล น้ำโสมอำเภอ น้ำโสม จังหวัดอุดรธานี ข้าพเจ้าโตมาจากครอบครัวเล็กๆที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี รอบบ้านของข้าพเจ้าแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ป่าไม้ วัด ร้านค้า ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม ข้าพเจ้าอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ของข้าพเจ้าในบ้านหลังเล็กๆหลังนี้ บ้านและครอบครัวของข้าพเจ้าคือสิ่งที่ข้าพเจ้ารักมากที่สุด ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องไปค้างคืนที่อื่น ข้าพเจ้าจะคิดถึงบ้านมากจนบางทีก็ร้องไห้จะกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง จนข้าพเจ้าถูกตั้งฉายาจากญาติๆเป็นภาษาท้างถิ่นว่า มันยังไม่ออกนมและจากพ่อว่าบักหำซึ่งก็หมายความถึง เสียงของเด็กที่ร้องไห้เสียงดังตลอดเวลา นอกจากข้าพเจ้าจะเป็นคนขี้แยแล้ว ข้าพเจ้ายังเป็นคนที่ซุ้มซ่ามอย่างมาก ข้าพเจ้าชอบมีโลกส่วนตัว เวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ในโลกของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าก็จะมีความสุขมาก ข้าพเจ้าเป็นคนพูดน้อย รักความสงบ และจะหลีกเลี่ยงกับเรื่องราวที่วุ่นวายเสมอ
ตอนข้าพเจ้าอายุ 5 ขวบข้าพเจ้าได้เข้าโรงเรียนเป็นครั้งแรก ข้าพเจ้าเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดบ้านโนโสมบูรณ์ ข้าพเจ้าเจอกับเพื่อนมากมาย ชีวิตที่เคยอยู่ในความดูแลของแม่ ต้องกลายมาเป็นภาระหนักของคุณครู ข้าพเจ้า พอจำได้ว่าตอนนั้นข้าพเจ้าร้องไห้อยากกลับบ้านทุกวัน จนคุณครูต้องจับฉันให้นอนหลับก่อนเด็กคนอื่นๆ เพราะข้าพเจ้าจะร้องไห้บ่อยและเสียงดังมาก เมื่อข้าเจ้าตื่นฉันก็จะร้องไห้เหมือนเดิม เรียกได้ว่า นิ่งเป็นหลับ ขยับก็ร้องไห้ ตอนที่ข้าพเจ้า อยู่ประถมข้าพเจ้าก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทที่คอยโอนงานมาให้เสมอ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยสนใจอะไร ข้าพเจ้าก็แค่รับๆมา แล้วก็ทำจนเสร็จแล้วเอาไปให้เพื่อน ตั้งแต่เด็กๆเลย โดยเฉพาะวิชาการงาน ข้าพเจ้ามักจะมีการบ้านหนักกว่าทุกคนเสมอ จนบางครั้งก็ลืมทำการบ้านของตัวเอง ต้องถูกคุณครูลงโทษเอาไม้บรรทัดดีนิ้ว เข็ดไปหลายวัน พอข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้น ป.6 ข้าพเจ้าก็ได้เป็นนักกีฬาเปตองของโรงเรียน ช่วงนั้นข้าพเจ้าซ้อมหนักมาก และข้าพเจ้าก็ได้เดินทางไปแข่งขันตามที่ต่างๆ แต่ก็ไม่ได้แชมป์กลับมาทุกครั้งที่ไป พอข้าพเจ้าเรียนจบจากที่นี้ ข้าพเจ้าก็ได้ไปสอบเข้าที่โรงเรียนฝางพิทยาคมในสายการเรียน วิทย์-คณิต ในการเข้าเรียนปรับระดับนั้นข้าพเจ้าจะไม่ค่อยได้พูดกลับใครเลย เพราะไม่รู้ว่าข้าพเจ้าจะต้องเริ่มยังไง ปกติแล้วข้าพเจ้าก็จะพูดน้อย แต่พอต้องมาห่างจากเพื่อนที่เคยเรียนร่วมกันมาตั้งแต่อนุบาล มาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าจึงทำตัวลำบาก กว่าที่ข้าพเจ้าจะรู้จักเพื่อนสักคนมันต้องมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นก่อนเสมอ ข้าพเจ้าเดินไปชนเขาบ้าง นั่งใกล้ๆกันบ้าง และทุกครั้งก็เป็นเพื่อนเขาที่ถามชื่อข้าพเจ้าก่อน พอนานไปข้าพเจ้าก็กลับกลายเป็นอีกคน อยู่กับเพื่อนฉันจะพูดมากจนเพื่อนๆต้องบอกให้หยุดพูด เพราะเพื่อนจะได้พูดบ้าง ข้าพเจ้ามีเพื่อนสนิทอยู่แค่ไม่กี่คน ทุกครั้งที่เพื่อนมีเรื่องเดือดร้อนข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้อย่างสุดความสามารถเสมอ ไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่ ข้าพเจ้าจะไม่ค่อยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพื่อน ช่วงนี้ข้าพเจ้าเริ่มมีมุขขำๆมาอำเพื่อนบ่อยๆ จนทำให้เพื่อนๆหัวเราะไปตามๆกัน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันมีค่าและยาวนานที่สุด ทั้งสุขและทุกข์ร่วมกัน หัวเราะ ร้องไห้ด้วยกัน นอกจากนี้แล้วข้าพเจ้ายังได้รับรางวัลลูกกตัญญูจากโรงเรียนอีกด้วย ข้าพเจ้าและพ่อกับแม่ต่างภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับ พ่อกับแม่ดูแลและคอยอบรมสั่งสอนข้าพเจ้าตลอด และข้าพเจ้าก็ไม่เคยคิดว่าข้าพเจ้าโตแล้ว ข้าพเจ้าคิดเสมอ ว่าพ่อกับแม่ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า ฉะนั้น ทุกคำที่ท่านพร่ำสอน ข้าพเจ้าก็จะตั้งใจฟังเสมอ ฉันพยายามตั้งใจเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และขยันให้มากๆ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เกิดมาท่ามกลางทุกอย่างที่เพียบพร้อม ข้าพเจ้าอาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย พ่อกับแม่ต้องทำงานหนัก ออกไปรับจ้างเพื่อส่งเสียข้าพเจ้าให้ได้เล่าเรียน ก่อนที่ข้าพเจ้าจะทำอะไร ถ้าฉันข้าพเจ้าว่ามันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของพ่อกับแม่ ก็จะหลีกเลียงเสมอ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะมีบางครั้งที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง อาจมีบางเวลาที่ทำยังทำดีได้ไม่เท่าดั่งที่ท่านคาดหวัง ทุกวันนี้สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังพยายามคือ การตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่ออนาคตของครอบครัวและตัวข้าพเจ้าเอง
           แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ว่าจะเด็กหรือโตข้าพเจ้าคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เรื่องราวของข้าพเจ้ามันยังคงมีคุณค่าและมีความหมายกับข้าพเจ้าเสมอ ถึงแม้จะเนิ่นนานสักแค่ไหน ทุกอย่างยังเหมือนเป็นเครื่องเตือนใจให้ยิ่งก้าวเดิน ไปตามหนทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ และแน่วแน่ ที่ผ่านมาอาจจะมีทั้งอุปสรรคและขวากหนาม แต่มันก็เป็นแบบทดสอบหนึ่งของหนทางแห่งความสำเร็จ เมื่อยิ่งทดสอบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เรายิ่งชำนาญ และแข็งแกร่ง แบบทดสอบต่อไปมันก็เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับเรา ที่จะสามารถผ่านแบบทดสอบนี้ไปอย่างง่ายดาย  คติเตือนใจ ธรรมใดๆก็ไร้ค่า ...ถ้าไม่ทำ